หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » นาย พยุง พุ่มพวง
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๕ ครั้ง
ศึกษาปัญญาเจตสิกกับการพัฒนาสัมปชัญญะในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา
ชื่อผู้วิจัย : นาย พยุง พุ่มพวง ข้อมูลวันที่ : ๑๔/๐๘/๒๐๑๓
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(วิปัสนาภาวนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาสุรชัย วราสโภ ป.ธ.๗, พธ.บ., M.A., Ph.D.
  นายจำรูญ ธรรมดา ป.ธ.๔, ธรรมาจริยะ (บาลี), ศษ.บ.
  ผศ.เวทย์ บรรณกรกุล ป.ธ.๙, พธ.บ., ศษ.ม.
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๕๕๕
 
บทคัดย่อ

 

บทคัดย่อ

 

การศึกษาเรื่อง  “ศึกษาปัญญาเจตสิกกับการพัฒนาสัมปชัญญะในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา”  มีวัตถุประสงค์    ประการคือ  เพื่อศึกษาหลักปัญญาและปัญญาเจตสิกธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท  เพื่อศึกษาหลักสัมปชัญญะที่มาในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท  เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัญญาเจตสิกกับการพัฒนาสัมปชัญญะในการเจริญวิปัสสนาภาวนา  โดยวิธีการเก็บข้อมูลจากคัมภีร์  พระไตรปิฎก  อรรถกถา  ฎีกา  วิสุทธิมรรค  ปกรณ์  และตำรา  ที่เกี่ยวข้อง : เรียบเรียงบรรยาย  และตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ  ผลการวิจัยพบว่า 

ปัญญาเจตสิกธรรม  คือ  ธรรมชาติที่รู้สภาวธรรมตามความเป็นจริงเมื่อว่าโดย  ลักขณา  ทิจตุกกะ  คือ  มีการรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรม  เป็นลักษณะ,  มีการกำจัดความมืด (อโมหะ)  เป็นกิจ,  มีความไม่หลง (ติดอยู่)  เป็นผล,  มีสมาธิ  เป็นเหตุใกล้  ปัญญามีประโยชน์ต่อการการบรรลุธรรมปัญญาทางพระพุทธศาสนาเป็นปัญญาขั้นสูงสุด  คือ  ปัญญาระดับภาวนามยปัญญา  เป็นปัญญาที่เข้าไปรู้ทุกข์หรือการกำหนดรู้ทุกข์  การไม่รู้ทุกข์จัดเป็นอวิชชา  เพราะอวิชชา  คือ  ความไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง  และทุกข์ตามพุทธประสงค์  ได้แก่  ทุกขสัจหรือทุกขอริยสัจ  การกำหนดรู้ทุกข์  เพื่อละสมุทัย  ทำนิโรธให้แจ้ง  ทำมรรคให้เกิดขึ้น  และบรรลุอริยสัจแจ้งพระนิพพานในที่สุด

                      สัมปชัญญะตรงกับภาษาบาลีว่า “สมฺปชาโน” คือ  ความรู้สึกตัว  เป็นความรู้สึกตัวขณะกำหนดรู้ชัดซึ่งอารมณ์รูปธรรมและนามธรรมที่เป็นปัจจุบัน  ได้แก่  สัมปชัญญะ    คือ  ๑.  สาตถกสัมปชัญญะ  การกำหนดรู้ชัดซึ่งอารมณ์ที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์  ๒. สัปปายสัมปชัญญะ  การกำหนดรู้ชัดซึ่งอารมณ์ที่เป็นสัปปายะ,  ๓.  โคจรสัมปชัญญะ  การกำหนดรู้ชัดซึ่งอารมณ์กรรมฐาน,  ๔.  อสัมโมหะสัมปชัญญะ  การกำหนดรู้ชัดซึ่งอารมณ์ทุกขณะโดยไม่หลงสัมปชัญญะมีความสำคัญมากต่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา  เพราะความรู้สึกตัวของผู้ปฏิบัติมีมากยิ่งขึ้นเท่าไร  ก็สามารถรับอารมณ์ปัจจุบันมากขึ้นเท่านั้น  และประโยชน์ของปัจจุบันอารมณ์  ได้แก่  การทำลายอภิชฌาและโทมนัส  การเจริญสติปัฏฐานนั้น  จุดประสงค์อันสำคัญเพื่อทำลายอภิชาและโทมนัส

                      ความสัมพันธ์ระหว่างปัญญาเจตสิกกับการพัฒนาสัมปชัญญะในการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้น  อาตาปี  สัมปชาโน  สติมา  หรือ  ความเพียร  สัมปชัญญะ  สติ  ทำหน้าที่พิจารณาอารมณ์กรรมฐาน  คือ  กาย  เวทนา  จิต  ธรรม  (รูป-นาม)  สัมปชาโน หรือสัมปชัญญะ  มีองค์ธรรม  ได้แก่  ปัญญาเจตสิก  หรือ  เป็นปัญญาที่ในสัมปชัญญะ ๔,  ทำหน้าที่เป็นปัญญา  ธรรมทั้งสามเมื่อสรุปลงแล้วคือ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  จะเห็นได้ว่าสัมปชัญญะและปัญญาเจตสิกเป็นธรรมอันเดียวกัน  ด้วยอำนาจปัจจัยแล้วสัมปชัญญะก็  คือ  ปัญญาเจตสิกแต่ยังมีกำลังอ่อนอยู่  เมื่อพัฒนาหรือมีกำลังแก่กล้าแล้ว  จึงพัฒนามาเป็นปัญญา  ดังนั้นสรุปได้ว่า  สัมปชัญญะ  เป็นชื่อของปัญญา  คือ  ความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นจากการกำหนดรู้รูปนามที่กำลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเป็นอารมณ์ (อารมณ์ปัจจุบัน)  ส่วนปัญญา  คือ  ธรรมชาติที่เห็นแจ้งตามสภาวธรรมตามความเป็นจริง  ธรรมทั้งสองทำกิจหน้าที่เดียวกันคือ  คือ  รู้ปัจจุบัน,  รู้รูปนาม,  รู้พระไตรลักษณ์  รู้มรรค  ผล  นิพพาน

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕