หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » นายสิริมงคล อุ่นใจ
 
เข้าชม : ๑๖๕๘๗ ครั้ง
วิเคราะห์วิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนาเถรวาท (พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พระพุทธศาสนา))
ชื่อผู้วิจัย : นายสิริมงคล อุ่นใจ ข้อมูลวันที่ : ๐๘/๐๓/๒๐๑๗
ปริญญา : พุทธศาสตรดุษฎีบัญฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระสุธีธรรมานุวัตร
  แม่ชีกฤษณา รักษาโฉม
  บรรจบ บรรณรุจิ
วันสำเร็จการศึกษา : 2556
 
บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์วิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนาเถรวาทซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยข้อมูลทางเอกสาร  โดยมีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ  ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดและวิธีการโพธิสัตวมรรคในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า  ๒) เพื่อศึกษาวิธีการและนำเสนอรูปแบบองค์รวมองค์ความรู้ทั้งระบบครบวงจรของพุทธภูมิการตรัสรู้ในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า  ๓) เพื่อวิเคราะห์เชิงแคบและลึกในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า

                         ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า  มนุษย์ปุถุชนสามารถฝึกฝนพัฒนาให้ถึงขั้นสูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าได้ โดยพบว่ามีแนวคิดการสั่งสมบารมีในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า ๔๐ แนวคิดและมีวิธีการสั่งสมบารมีหลายวิธี  หากเมื่อมนุษย์ผู้นั้นตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องตั้งมโนปณิธาน  วจีปณิธาน และกายวจีปณิธาน  พร้อมกับสั่งสมทำความดีเป็นพระอนิยตโพธิสัตว์ที่ยังไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอนว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้และต้องสั่งสมบารมีเพิ่มโดยทำ ธรรมสโมธาน ๘ อันเปรียบเสมือนประดุจยานพาหนะนำพาพระอนิยตโพธิสัตว์ ไปสู่ ความเป็นพระนิยตโพธิสัตว์ ให้สมบูรณ์แล้วได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนในอนาคตกาล     ในกรณีของ  สุเมธดาบส ได้พบ  และ รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรกจากพระทีปังกรพุทธเจ้า  และ  ครั้งสุดท้าย  ครั้งที่ ๒๔  จากพระกัสสปพุทธเจ้าว่าจะตรัสรู้เป็นพระโคตมพุทธเจ้าในอนาคต

                         องค์ความรู้ในรูปแบบองค์รวมทั้งระบบครบวงจรของพุทธภูมิการตรัสรู้ในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าที่พระนิยตโพธิสัตว์ ๓ ประเภท ต้องสั่งสมบารมี ๑๐ ใน ๓ ระดับ หรือเรียกว่า  บารมี ๓๐ ทัศอันเปรียบเสมือนประดุจยานพาหนะนำพาพระนิยตโพธิสัตว์ไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า  ให้สมบูรณ์จึงสามารถตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๓ ประเภทใน ๓ รูปแบบ ได้แก่   ๑) รูปแบบที่ ๑ :  อุคฆฏิตัญญูโพธิสัตว์  คือ พระโพธิสัตว์ประเภทมีอินทรียธรรม  แบบปัญญามากกว่าศรัทธา ใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีช่วงมโนปณิธาน วจีปณิธาน กายวจีปณิธาน จนถึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  รวม ๒๐ อสงไขยหนึ่งแสนมหากัปได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตรวม ๕๑๒,๐๒๗ พระองค์  พระโพธิสัตว์ประเภทนี้เมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  มีชื่อเรียกว่า พระปัญญาธิกพุทธเจ้า     ๒) รูปแบบที่ ๒ :  วิปจิตัญญูโพธิสัตว์  คือ พระโพธิสัตว์ประเภทมีอินทรียธรรม แบบศรัทธามากกว่าปัญญา  ใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีช่วงมโนปณิธาน วจีปณิธาน กายวจีปณิธาน รวม ๔๐ อสงไขยแสนมหากัป ได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตรวม  ๑,๐๒๔,๐๕๕  พระองค์    เมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว     มีชื่อเรียกว่า พระสัทธาธิกพุทธจ้า   ๓) รูปแบบที่ ๓ : ไนยโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ประเภทมีอินทรียธรรม  แบบวิริยะ(ความเพียร)มากกว่าปัญญา ใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีช่วงมโนปณิธาน วจีปณิธาน กายวจีปณิธาน รวม ๘๐ อสงไขยหนึ่งแสนมหากัป ได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตรวม ๒,๐๔๘,๑๐๙ พระองค์ เมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว มีชื่อเรียกว่า พระวิริยาธิกพุทธเจ้า

                         ความเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นมี คุณสมบัติเฉพาะ ๑๓ ประการ และคุณลักษณะเฉพาะ ๑๑ ประการครบซึ่งพระอรหันต์สาวกทั่วไปมีไม่ครบ เช่น การเป็นผู้ตรัสรู้เองได้โดยชอบด้วยพระองค์เองและสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม   ต้องเคยบำเพ็ญพุทธการกธรรม ๑๐   มีทศพลญาณ   มีฉฬาสาธารณญาณ ๖   ความเป็นผู้มีมหาปุริสลักษณะ ๓๒ และอนุพยัญชนะ ๘๐     มีนิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธองค์ในพระพุทธศาสนา

                          อนึ่ง ธรรมที่เป็นเหตุให้พระพุทธองค์บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เรียกว่า “อุปัญญาตธรรม๒”  อันเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติเห็นคุณค่าประจักษ์กับพระองค์เอง มี ๒ ประการ  คือ ๑) ความไม่สันโดษในกุศลธรรม  และ  ๒) มีการบำเพ็ญเพียรไม่ระย่อ

                         การวิเคราะห์เชิงแคบและลึก ในวิถีสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๖ ประเด็นสำคัญที่จำเป็นต้องทำให้ได้จึงจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ตามขอบเขตการวิจัย  ดังนี้   ๑) พระพุทธเจ้าต้องเป็นผู้ชายและอดีตต้องได้เคยรับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ   ๒) พระพุทธเจ้าต้องอุบัติและตรัสรู้ในชมพูทวีปและต้องเป็นตระกูลกษัตริย์หรือพราหมณ์เท่านั้น  ๓) พระพุทธเจ้ามีเพียงคราวละหนึ่งพระองค์เท่านั้น   ๔) การตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในตอนแรกเป็นแบบในใจ (มโนปณิธาน) ต่อมาเป็นแบบ วจีปณิธาน และกายวจีปณิธาน ตามลำดับ  ๕) การจะเป็นพระพุทธเจ้าได้  ในอดีตต้องเคยสั่งสมบารมี ๑๐ ใน ๓ ระดับ (= ๓๐ ทัศ) และใช้ระยะเวลานานนับหลายอสงไขยกัป  ๖) การจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ในอดีตต้องเคยบริจาค บุตร ธิดา และภรรยา   เพื่อสั่งสมบารมี ๓๐ ทัศให้สมบูรณ์

ดาวน์โหลด (ยังไม่มีข้อมูล)

 

 

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕