หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระวรากรณ์ ชยากโร (พูนสวัสดิ์)
 
เข้าชม : ๑๖๗๖๑ ครั้ง
การวิเคราะห์แนวคิดเรื่องสังคมอุดมคติในทัศนะของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต)(๒๕๔๔)
ชื่อผู้วิจัย : พระวรากรณ์ ชยากโร (พูนสวัสดิ์) ข้อมูลวันที่ : ๑๓/๐๗/๒๐๑๐
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(ปรัชญา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาประสิทธิ์ พฺรหมฺรํสี
  ดร.วีระชาติ นิ่มอนงค์
  ดร.สุรพล สุยะพรหม
วันสำเร็จการศึกษา : ๓ เมษายน ๒๕๔๔
 
บทคัดย่อ

    วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดประสงค์ที่จะศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องสังคมอุดมคติในทัศนะ
ของพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) เพื่อให้ทราบว่า สังคมอุดมคติคืออะไร มีลักษณะอย่างไร มนุษย์
สามารถเข้าถึงสังคมอุดมคติได้หรือไม่และสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาสังคมไทยและสังคมโลกได้
อย่างไร

    จากการศึกษาวิจัยพบว่า สังคมอุดมคติของพระธรรมปิฎก หมายถึง สังคมที่ดีงามอันเป็น
แบบอย่างที่พึงปราถนาของมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสังคมแห่งกัลยาณมิตรที่มีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อ
การที่สมาชิกในสังคมจะได้พัฒนาศักยภาพของคนให้เข้าถึงอิสรภาพทั้งสี่ด้าน คือ อิสรภาพทางกาย
อิสรภาพทางสังคม อิสรภาพทางจิตใจและอิสรทางปัญญา สังคมจึงเกิดขึ้นเพื่อให้มนุษย์ได้รับ
การศึกษาเพื่อพัฒนาตน

   ในทัศนะของพระธรรมปิฎกสังคมสงฆ์เป็นสังคมตัวอย่างซึ่งมีหลักการที่สำคัญสอง
ประการ คือ หลักธรรมกับหลักวินัย ซึ่งหมายถึงกฎของธรรมชาติกับกฎของมนุษย์(สังคมนิยมน์)
พระธรรมปิฎกได้วิเคราะห์หลักการ เจตนารมณ์และรูปแบบวิถีชีวิตในสังคมสงฆ์มาประยุกต์ใช้กับ
สังคมฆราวาส โดยเห็นว่า ปัจจัยสนับสนุนให้เกิดสังคมอุดมคติมีสองปรการคือ

     ๑. ปัจจัยภายนอกทางสังคมที่ดี เรียกว่าสังคมแห่งกัลยาณมิตร ซึ่งหมายถึงระบบโครงสร้างทาง
สังคมทั้งหมดที่มนุษย์จัดตั้งขึ้นจะต้องประสานเป็นอันเดียวกันบนฐานแห่งความเข้าใจใน
ความจริงตามกฎธรรมชาติโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มนุษย์เข้าถึงธรรม

     ๒. ปัจจัยภายในปัจเจบุคคลที่ดี เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นคุณสมบัติภายใน
ปัจเจกบุคคลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการหล่อหลอมของสังคมที่ดี อันเป็นบุคคลอุดมคติของสังคม
คือ ความเป็นพระโสดาบันและกัลยาณปุถุชน

    วิธีการที่จะเข้าถึงสังคมอุดมคติและพัฒนาบุคคลอุดมดติ คือ การศึกษที่ถูกต้องตามหลัก
ไตรสิกขา การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการสร้างบุคคลและสังคมอุดมคติ เมื่อนำแนวคิดของพระธรรมปิฏกมาวิเคราะห์กับแนวคิดของปรัชญาตะวันตกและ ตะวันออกทำให้เห็นลักษณะเด่นของแนวคิดพระธรรมปิฎก คือ แนวคิดของพระธรรมปิฎกให้ความ สำคัญกับความสัมพันธ์ของระบบบูรณาการทั้งสาม คือ มนุษย์ ธรรมชาติและสังคม โดยที่ระบบทั้งสาม จะต้องมีความเกื้อกูลประสานกันอย่างสมดุลและถูกต้อง นอกจากนี้แนวคิดของพระธรรมปิฎกยัง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและการพัฒนาสังคมจะต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องและส่งเสริมกัน นั่นคือ แนวคิดของพระธรรมปิฎกให้ความสำคัญทั้งสาระและรูปแบบ บุคคลและระบบ ปัจเจกบุคคลและสังคม จิตใจและรูปธรรม ดังนั้น แนวคิดของพระธรรมปิฎกจึงสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาได้ ทั้งปัจเจกบุคคล สังคม และธรรมชาติแวดล้อม ของสังคมไทยและสังคมโลก  

Download : 254412.pdf

 

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕