หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระณรงวิทย์ สิทฺธิเมธี (ทองหยู่)
 
เข้าชม : ๑๖๗๖๐ ครั้ง
ภาวะผู้นำในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระพรหมจริยาจารย์ (สงัด ปญฺญาวุธมหาเถร) (รัฐประศาสนศาตร์)
ชื่อผู้วิจัย : พระณรงวิทย์ สิทฺธิเมธี (ทองหยู่) ข้อมูลวันที่ : ๒๒/๑๒/๒๐๑๔
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม
  พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ, รศ.
  ผศ.ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗
 
บทคัดย่อ

  การศึกษาวิจัยนี้  มีวัตถุประสงค์ คือ ๑. เพื่อศึกษาภาวะผู้นำของพระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ไทย ๒. เพื่อศึกษาบทบาทในการเป็นผู้นำการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระพรหมจริยาจารย์ (สงัด ปญฺญาวุธมหาเถร) ๓. เพื่อศึกษาภาวะผู้นำของพระพรหมจริยาจารย์  (สงัด ปญฺาวุธมหาเถร) ที่สามารถประยุกต์ใช้กับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ชึ่งใช้การวิจัยเอกสาร (Documentary Research) สัมภาษณ์เชิงลึก (In depth interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) จำนวน ๑๒ รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบปริบท (Content Analysis Technique) ผลการวิจัยสามารถสรุปและมีข้อเสนอแนะตามลำดับ ดังนี้

ผลการวิจัยพบว่า
ภาวะผู้นำในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระพรหมจริยาจารย์ (สงัด ปญฺญาวุธมหาเถร) ตามภารกิจ ๖ ด้าน ดังนี้ 
๑)ด้านการปกครอง                                                                            
ได้ใช้หลักการปกครองด้วยการบริหารโดยความถูกต้อง  ตามหลักพระธรรมวินัยและพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  พร้อมทั้งกฎระเบียบ  คำสั่ง  มติ  ประกาศ  มหาเถรสมาคม  ปกครองด้วย  สาราณียธรรม  พรหมวิหารธรรม  โดยต้องอาศัยผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำ  เป็นผู้ชักจูงประสาน  ส่งเสริมสนับสนุน  และผลักดันให้เกิดการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎระเบียบเหล่านี้
๒)ด้านการศาสนศึกษา                                                             
จะเริ่มจากการให้การศึกษาทั้งคันถธุระ  และการมีคุณธรรมควบคู่กันไป  โดยวิธีการก็คือ  สร้างแรงจูงใจและความร่วมมือ  ให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญของเป้าหมายคือความสำเร็จ  สนับสนุน  อุปถัมภ์ และมอบหมายงานให้ตามความเหมาะสม   ๓)ด้านการศึกษาสงเคราะห์                                                   
ได้ดำเนิน การอยู่มี  ๒ ประการ คือ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์  และการให้การสนับสนุนสถาบันการศึกษาและบุคคลผู้กำลังศึกษา  แนวทางการบริหารงานของท่านคือ  เสียสละ ทำตนเป็นแบบอย่าง เลือกบุคลากรร่วมงานที่เหมาะสมกับงาน ให้การสนับสนุนส่งเสริม  ให้ข้อเสนอแนะ ช่วยแก้ไขปัญหา 
๔)ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ได้ใช้หลักการเผยแผ่แบบบูรณาการ  สิ่งใดที่เป็นองค์ประกอบในการเผยแผ่  เช่น  จัดทำสื่อทางพระพุทธศาสนา วีดีทัศน์คุณธรรม  จัดพิมพ์หนังสือธรรมะ เผยแผ่หลักธรรมทางสื่อวิทยุ  พร้อมกันนั้นท่านยังเป็นผู้ริเริ่มให้มีการจัดแสดงพระธรรมเทศนาตามงานบำเพ็ญกุศลและงานบุญ  ต่าง ๆ ของวัด โดยการปฏิบัติงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
๕)ด้านสาธารณูปการ                                                                           
เป็นการพัฒนาของวัดอย่างเป็นรูปธรรม สร้างถาวรวัตถุ จะเน้นความสวยงามและที่สำคัญไปกว่านั้นคือประโยชน์ใช้สอย พร้อม ๆ กันไปกับการพัฒนาบุคลากร และการวางแผนบูรณปฏิสังขรณ์หรือการก่อสร้าง ร่วมทั้งหาทุนจากแหล่งที่เหมาะสม  
๖)ด้านการสาธารณสงเคราะห์  
คือการนำเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปช่วยเหลือสังคม โดยยึดหลักที่ว่า บ้านกับวัดต้องไปพร้อมกัน พระนักพัฒนาต้องช่วยสังคม เสียสละเพื่อประโยชน์สุขของสังคม

ดาวน์โหลด

 
 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕