หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระสุภาพ อภิชาโต (โทนหงส์สา)
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๖ ครั้ง
บทบาทพระสังฆาธิการกับการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด
ชื่อผู้วิจัย : พระสุภาพ อภิชาโต (โทนหงส์สา) ข้อมูลวันที่ : ๒๕/๐๗/๒๐๑๕
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหามิตร ฐิตปญฺโญ
  สุวิน ทองปั้น
  -
วันสำเร็จการศึกษา : 2556
 
บทคัดย่อ

               การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้  ๑) เพื่อศึกษาบทบาทพระสังฆาธิการในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล  ๒) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาของพระสังฆาธิการในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด  ๓) เพื่อศึกษาแนวทางในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล  ของพระสังฆาธิการ อำเภอจตุรพักตรพิมาน  จังหวัดร้อยเอ็ด  การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมโดยการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณประชากรได้แก่ พระสังฆาธิการ จำนวน  ๒๒๔  รูป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม  วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป  มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๙๗ สถิติที่ใช้ในการวิจัย  ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแล้วนำมาวิเคราะห์ขิอมูลด้วยการพรรณาวิเคราะห์

                   ผลการวิจัยพบว่า

                   บทบาทพระสังฆาธิการในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล  เป็นแนวทางสำคัญในการจัดระเบียบให้กับวัดและชุมชน สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความรู้รักสามัคคีและร่วมกันเป็นพลัง ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนเสริมความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อบรรเทาป้องกันหรือแก้ไขเยียวยาภาวะวิกฤติ ภยันตรายที่หากจะมีมาในอนาคต ที่จะเกิดขึ้นในวัดและเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เพราะสังคมจะรู้สึกถึงความยุติธรรม ความโปร่งใส และความมีส่วนร่วม อันเป็นคุณลักษณะสำคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สอดคล้องกับความเป็นไทย รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยุคปัจจุบัน การส่งเสริมให้เกิดการสร้างธรรมาภิบาลนั้น มาจากความร่วมมือของทั้งวัด และชุมชนรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

                   สภาพปัญหาและบทบาทของพระสังฆาธิการในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด  ๑. หลักนิติธรรม  พระสงฆ์นั้นเป็นบุคลของส่วนรวมเป็นผู้ที่ไม่สามารถจะกระทำตามใจตัวเองได้และพระสงฆ์ถือกฎหมายทั้งสองด้านคือทั้งทางพระวินัยและกฎหมายทางบ้านเมืองเผยแผ่ด้วยความถูกต้องปัญหาในด้านการสื่อสารในหมู่คณะสงฆ์  ๒. หลักคุณธรรม  คุณธรรมเป็นสิ่งที่ต้องมีในเผยแผ่  เมื่อมีคุณธรรมเกิดขึ้นการเผยแผ่ก็เป็นไปด้วยดีใช้หลักในการเผยแผ่ให้ถูกกับสถานการณ์ปัจจุบัน  ขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในการนำไปใช้  ผู้ปฏิบัติไม่มีแบบแผนในการปฏิบัติ   ๓. หลักความโปร่งใส ไม่สามัคคีเป็นส่วนที่ทำให้การบริหารไม่สำเร็จและเกิดการแตกร้าวในหมู่คณะ  ๔. หลักการมีส่วนร่วม  พระสงฆ์นั้นมีส่วนร่วมกับสังคมงานที่จะกระทำนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาด้วย  ๕. หลักความรับผิดชอบมอบหมายงานทำงานตามหน้าที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามหน้าที่รับผิดชอบ  ๖. หลักความคุ้มค่ามีการกระจายงานให้ทำตามความถนัด เพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์อันพึงจะได้รับซ้ำซ้อน  ที่ไม่มีแบบแผน  เผยแผ่โดยไม่มีหลักการไม่ถนัดในงานที่ทำ

                   แนวทางในการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล  ของพระสังฆาธิการ อำเภอจตุรพักตรพิมาน  จังหวัดร้อยเอ็ด  การบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาลนั้นต้องอาศัยหลักการมีเหตุผลและมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับวัดควรให้เจ้าอาวาสและผู้ใหญ่บ้านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารวัดโดยใช้หลักธรรมาภิบาล เพราะถือว่าทั้งสองฝ่ายเป็นผู้นำในการบริหารวัดและหมู่บ้านให้มีการบริหารจัดการได้อย่างมีระบบควรมีการพัฒนาการศึกษาของพระสงฆ์และสามเณร โดยนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้เพื่อพระสงฆ์ และสามเณรได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นไป และสนับสุนนเกี่ยวสาธารณูปโภคในเรื่องการรักษาพยาบาลเวลาพระสงฆ์ และสามเณร ด้วยการตั้งกองทุนไว้สำหรับสนับสนุน

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕