หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหามหรรถพงศ์ กวิวํโส (ศรีสุเมธิตานนท์)
 
เข้าชม : ๑๖๗๖๖ ครั้ง
การศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องสิทธิของจอห์น ล็อคกับพุทธปรัชญาเถรวาท(๒๕๔๘)
ชื่อผู้วิจัย : พระมหามหรรถพงศ์ กวิวํโส (ศรีสุเมธิตานนท์) ข้อมูลวันที่ : ๒๓/๐๘/๒๐๑๐
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(ปรัชญา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ
  รศ.ดร. สมภาร พรมทา
  ดร. สุรพล สุยะพรหม
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๘
 
บทคัดย่อ

     วิทยานิพนธ์นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องสิทธิของจอห์น ล็อคกับพุทธปรัชญาเถรวาทโดยผู้วิจัยได้แบ่งประเด็นที่สำคัญในการศึกษาออกเป็น ๓ ประการคือ (๑) แนวความคิดเรื่องสิทธิในทรรศนะของจอห์น ล็อค (๒) แนวความคิดเรื่องสิทธิในทรรศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท และ (๓) การศึกษาเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องสิทธิของจอห์น ล็อคกับพุทธปรัชญาเถรวาท ผลจากการศึกษาวิจัยมีข้อสรุปที่สำคัญคือ
(๑) แนวความคิดเรื่องสิทธิในทรรศนะของจอห์น ล็อค เป็นสิทธิพื้นฐานที่พยายามจะสนองความมีส่วนร่วมในการมีผลประโยชน์ร่วมกันของปัจเจกชนในสังคมโดยปัจเจกชนนั้น ควรมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานดังนี้คือ
๑.๑ สิทธิในตัวเอง กล่าวคือมนุษย์เมื่อเกิดมาแล้วย่อมมีสิทธิตามธรรมชาติที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชีวิตของตนเอง
๑.๒ สิทธิในทรัพย์สิน ล็อคได้ให้ความสำคัญในความหมายของสิทธิในทรัพย์สินว่า จุดมุ่งหมายอันประเสริฐสุดของมวลมนุษยชาติ คือการรวมกันเป็นจักรภพและยอมที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองในทรัพย์สินของ ตนเอง
๑.๓ สิทธิทางการเมืองการปกครองทรรศนะที่เกิดจากปัจจัยทางการเมืองการปกครอง ล็อคให้ความหมายอำนาจทางการเมืองว่าสิทธิในการจัดทำกฎหมายพร้อมด้วยบทลงโทษถึงชีวิตและโทษที่เบาบางลงไปทั้งหมดสำหรับวางระเบียบควบคุมและสงวนรักษาทรัพย์สินและสิทธิในการใช้พลังของประชาชนเพื่อบริหารให้เป็นไปตามกฎธรรมชาตินั้นๆเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของสังคม
(๒) แนวความคิดเรื่องสิทธิของพุทธปรัชญาเถรวาท
พุทธปรัชญาเถรวาทมีคำสอนที่สอดคล้องกับสิทธิทางธรรมโดยสรุปดังต่อไปนี้ คือ (๑) สิทธิในชีวิต (๒) สิทธิในการยอมรับนับถือ (๓) สิทธิในการดำเนินชีวิตและพัฒนาตนเอง และ(๔) สิทธิในการปฏิบัติตามกฏเกณฑ์พื้นฐานทางธรรม
จากทรรศนะเรื่องสิทธิในแนวความคิดของล็อคและพุทธปรัชญาเถรวาทได้ข้อเปรียบเทียบในเรื่องของความแตกต่างกันและเหมือนกันในเบื้องต้นคือทั้งสองทรรศนะจะกล่าวถึงเรื่องสิทธิโดยธรรมชาติว่ามนุษย์มีสิทธิเท่าเทียมกันตั้งแต่กำเนิดหมายถึงสิทธิในชีวิตในทรรศนะพุทธปรัชญาเถรวาทนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ให้ความสำคัญสิทธิกับเรื่องการเมืองการปกครองไว้โดยตรงแต่ก็มีหลักธรรมที่สนับสนุนการเมืองการปกครองตามแนวแห่งอุดมรัฐที่ปรากฏอยู่ในหลักพุทธปรัชญาเถรวาทในหลักธรรมและพระสูตรต่างๆอยู่หลายแห่งเช่นจักกวัตติสูตร หลักทศพิธราชธรรม สิงคาลกสูตรเป็นต้นโดยหลักพุทธปรัชญาเถรวาทนั้นหลักพุทธธรรมทั้งมวลมีเป้าหมายที่ให้ความสำคัญทั้งความสุขแบบโลกียะและโลกุตตรสุขอันเป็นบรมสุข การที่พุทธปรัชญาเถรวาทมีทรรศนะเรื่องสิทธิก็มีจดมุ่งหมายเพื่อความอยู่ดีมีสุขทั้งสองเป้าหมายหลักเป็นสำคัญ จากการศึกษาวิจัยก็จะพบว่า พุทธปรัชญาเถรวาทมีทรรศนะว่าบุคคลทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้ล้วนมีสภาวะแห่งพุทธะอยู่ในตัวทั้งสิ้นโดยมองพื้นฐานที่หยั่งลึกไปถึงจิตเดิมของปัจเจกชนว่าเป็นปภัสสรคือความผ่องใสของจิตเดิม บุคคลทั้งหลายล้วนมีสิทธิเข้าถึงธรรมอันเป็นโลกุตตรธรรมตามหลักของพระพุทธองค์แทบทั้งสิ้นแต่ก็มีเหตุและผลฝ่ายบวกในเรื่องของกรรมคือการกระทำที่สั่งสมมาเป็นเครื่องสนับสนุนที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้นจึงเห็นความเหมือนและความแตกต่างอย่างชัดเจน ในเรื่องของจุดมุ่งหมาย ตามแนวความคิดเรื่องสิทธิของจอห์น ล็อค กับพุทธปรัชญาเถรวาทตรงประเด็นที่ว่าสิทธิของจอห์น ล็อคนั้นเป้าหมายหลักคือความอยู่ดีกินดีและเป็นเจ้าของสิทธิและทรัพย์สินในระดับความสุขแบบโลกียะขณะที่พุทธปรัชญาเถรวาทเน้นเป้าหมายไปทั้งความสุขของมวลมนุษยชาติแบบโลกียะอันประกอบด้วยธรรม และความสุขที่เป็นบรมสุข คือการมีสิทธิได้เข้าถึงมรรคผลอันสูงสุดตามแนวของพระพุทธองค์กล่าวคือโลกุตตรธรรมอันมีพระนิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุด

Download : 254864.pdf

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕