เข้าชม : ๒๐๐๓๕ ครั้ง |
การศึกษาเปรียบเทียบจริยศาสตร์ของอาริสโตเติลกับพุทธจริยศาสตร์ (๒๕๓๘) |
|
ชื่อผู้วิจัย : |
พระมนตรี สุปุติโก (บุตรดี) |
ข้อมูลวันที่ : ๑๗/๐๘/๒๐๑๐ |
ปริญญา : |
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์) |
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ : |
|
พระมหาสมชัย กุสลจิตโต |
|
ผู้่ช่วยศาสตราจารย์อรรถจินดา ดีผดุง |
|
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร สุขเกษม |
วันสำเร็จการศึกษา : |
๑๕ มีนาคม ๒๕๓๘ |
|
บทคัดย่อ |
บทคัดย่อ
จุดประสงค์ในการค้นคว้าวิจัยเชิงเอกสารเพื่อเปรียบเทียบระหว่างจริยศาสตร์ของอาริสโตเติลกับพุทธจริยศาสตร์ สำหรับจริยศาสตร์ของอาริสโตเติลใช้หนังสือนิโคมาเชี่ยนเอกทิคส์เป็นหลัก ในขณะที่พุทธจริยศาสตร์เน้นความสำคัญที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความดีสำหรับมนุษย์ในทรรศนะของอาริสโตเติลก็คือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์มุ่งแสวงหาความดีชนิดนี้ได้แก่ยูไดโมเนีย อาจเข้าใจผิดบ้างสำหรับผู้แปลคำนี้ว่า ความสุข แท้จริงแล้วยูไดโมเนียเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของมนุษย์ให้บริบูรณ์ความหมายนี้เป็นความหมายที่อาริสโตเติลอธิบายในเชิงอภิปรัชญาหมายถึงว่าเป็นหน้าที่ทีแสดงออกมาจากความสมบูรณ์ทางจิตใจในแง่หน้าที่การงานโดยสอดคล้องกับจิตวิญญาณที่ควบคุมเหตุผล จิตวิญญาณแห่งเหตุผลจึงเป็นส่วนหนึ่งของคุณธรรมทางปัญญา คุณธรรมทางปัญญาเกี่ยวข้องกับการไตร่ตรองเรื่องสัจจธรรมความจริงของสิ่งที่แน่นอนและเปลี่ยนแปลง คุณธรรมทางปัญญาจึงมี ๒ ลักษณะ คือ เป็นลักษณะความรู้หรืออาจเรียกว่าความรู้ในเชิงทฤษฎี และอีกประการหนึ่งคือ การปฏิบัติ หรือความรอบรู้ในเชิงปฏิบัติ การกระทำที่ถูกต้องจึงเกิดขึ้นและอาจเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การค้นพบจุดหมายในการงานทั้งปวงด้วยการใช้เหตุผล นั่นหมายถึงว่ามันจะต้องมีวิธีการเพื่อมุ่งสู่จุดหมายนั้นซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของมนุษย์คืออยู่ไดโมเนียหรือความผาสุก อย่างไรก็ตาม คุณธรรมในระดับสูงสุดคือความรู้ในทางทฤษฎีซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้มนุษย์ทำหน้าที่ของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์
จากการศึกษาในพระไตรปิฎกแสดงให้เห็นว่าชีวิตของมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความทุกข์โดยมีรากเง่าของความทุกข์คือตัณหา ความหลุดพ้นจากความทุกข์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ความหลุดพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิงพึงปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ ซึ่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการนี้ ในสองประการแรกจะเป็นองค์มรรคที่เกี่ยวกับเรื่องความคิด เหตุผลทางปัญญาหรือกรอบความคิด อีกสามประการต่อมา เป็นเรื่องจริยธรรมความประพฤติที่มีความจำเป็น ในประการสุดท้ายเป็นเรื่องการฝึกฝนอบรมจิตใจให้เป็นสมาธิเพื่อไตร่ตรองพิจารณาความจริงที่เป็นปรมัตถสัจจะจนเข้าถึงความสงบระงับและเห็นแจ้งในชีวิตตามความเป็นจริงจนบรรลุพระนิพพาน อันเป็นสภาวะที่ถือว่าเป็นบรมสุขหรือสุขอย่างยิ่ง
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะชี้ให้เห็นคือ หลักมัชฌิมาของอาริสโตเติลเป็นหลักที่สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างความรู้ทางด้านทฤษฎีและความรู้ทางด้านการปฏิบัติเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ในทางพุทธศาสนาหลักมัชฌิมาปฏิปทายังมีรายละเอียดในเรื่องสมาธิ และองค์มรรคที่จะนำไปสู่การบรรลุความสมบูรณ์ยิ่ง
|
|
Download :
253803.pdf |
|