หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระยุทธพงษ์ ศรีวิลัย
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๖ ครั้ง
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (รัฐประศาสนศาสตร์)
ชื่อผู้วิจัย : พระยุทธพงษ์ ศรีวิลัย ข้อมูลวันที่ : ๐๗/๐๒/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระครูภาวนาโสภิต
  บุศรา โพธิสุข
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๙ ธันวาคม ๒๕๖๐
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

             การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ  ๑. เพื่อศึกษาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของ        พระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  ๒. เพื่อศึกษากระบวนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ  ๓. แนวทางการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ     มาประยุกต์ใช้ ในจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  การศึกษาวิจัยครั้งนี้  ดำเนินการตามระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)     โดยการวิจัยเชิงคุณภาพ  ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก  (In-Depth-Interview)     โดยการสัมภาษณ์พระสังฆาธิการ  ในตำบลอุโมงค์  อำเภอเมืองลำพูน  จังหวัดลำพูน  จำนวน ๑๒ รูป

             ผลการศึกษาวิจัยพบว่า

             ๑) การจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  พบว่า  ๑.ระยะการคัดเลือกหรือได้มาซึ่งทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  การที่จะเป็นเจ้าอาวาส หรือพระสังฆาธิการได้นั้นจะต้องพ้น       ๕ พรรษาขึ้นไป  ถ้าพระสงฆ์มีพรรษาน้อยกว่า ๕ พรรษา  หรือมากกว่า ๕ พรรษา  จะพิจารณาตามอายุ พรรษา คุณวุฒิ  วุฒิการศึกษา  และคุณสมบัติต่างๆ ๒.ระยะการควบคุมดูแลและรักษาทรัพยากรมนุษย์ ต้องมีความยุติธรรม  โปร่งใส  ตรวจสอบได้  และผู้ประเมินจะต้องเข้าใจหลักเกณฑ์ในการประเมินผลเป็นอย่างดี  ๓.ระยะสุดท้าย คือการพ้นจากงาน การจัดสวัสดิการตอบแทนหลังเกษียณหรือการพ้นจากงานในกรณีอื่นๆ เช่นการเจ็บป่วยอาพาธ หรือการมรณภาพ                  ของพระสังฆาธิการ  ควรให้การสนับสนุนทางด้านการดูแลสุขภาพ ๔ ด้าน คือ ด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ถวายความรู้แก่พระสงฆ์

             ๒) กระบวนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการในเขตตำบลอุโมงค์   อำเภอเมือง  จังหวัดลำพูน  พบว่า  ๑. การจัดหาทรัพยากรมนุษย์การที่จะเป็นเจ้าอาวาส หรือพระสังฆาธิการได้ จะต้องพ้น ๕ พรรษาขึ้นไป ถ้าพระสงฆ์มีพรรษาน้อยกว่า ๕ พรรษา  หรือมากกว่า ๕ พรรษา  หรือถ้าคณะสงฆ์เห็นสมควรศรัทธาประชาชนเห็นสมควร  ต้องสามารถพัฒนาวัดให้มีความรุ่งเรือง สามารถพัฒนาทั้งพระสงฆ์สามเณรให้มีความรู้ในเรื่องพระธรรมวินัย  ๒. การให้รางวัลทรัพยากรมนุษย์  การให้รางวัลเล็กๆน้อยๆ ควรที่จะ ยกย่อง การปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ และสามารถพัฒนาตน พัฒนาคน พัฒนางาน ทางคณะสงฆ์จะสามารถ ชื่นชม ยกย่อง เพื่อยังคงความศรัทธา น่าเชื่อถือ   และเคารพนับถือจากศรัทธาประชาชนร่วมทั้งคณะสงฆ์จังหวัดลำพูนและสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาองค์กร  ๓. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  กิจการคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน  คือ ด้านการปกครอง      ด้านศาสนศึกษา ด้านศึกษาสงเคราะห์ ด้านสาธารณูปการ ด้านสาธารณสงเคราะห์ บริหารกิจกรรมคณะสงฆ์ ดังนั้นการพัฒนา ๓ อย่างนั่นจะทำให้พระสังฆาธิการในตำบลอุโมงค์ให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ให้การบริหารองค์กรคณะสงฆ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ๔. การธำรงรักษาทรัพยากรมนุษย์  คณะสงฆ์มีบุคลากรที่ดีมีความสามารถและชำนาญชัดเจนความรู้ ความสามารถ    ในแต่ละด้านและการเปิดโอกาสแก่คณะสงฆ์การธำรงรักษาตามหลักธรรมาภิบาล        

             ๓) แนวทางการจัดการทรัพยากรมนุษย์ของพระสังฆาธิการ ในเขตตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน  คุณสมบัติดังกล่าว  การพิจารณาตามอายุ พรรษา คุณวุฒิ วุฒิการศึกษา       และคุณสมบัติต่างๆ ประชาชนมีความเคารพนับถือ เลื่อมใสศรัทธา พระสงฆ์สามเณรให้ความเคารพนับถือ  พระครูหรือตำแหน่งสูงๆขึ้นไป ขึ้นอยู่ว่าแต่ละตำแหน่ง แต่ละตำแหน่ง  เงินนิติยภัตไม่เท่ากับการปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ และสามารถพัฒนาตน พัฒนาคน พัฒนางาน ชื่นชม ยกย่อง เคารพนับถือจากศรัทธาประชาชน  กิจการคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน คือ ด้านการปกครอง ด้านศาสนศึกษา ด้านศึกษาสงเคราะห์ ด้านสาธารณูปการ ด้านสาธารณสงเคราะห์  พัฒนาในด้านความรู้ ความสามารถ นำสู่การพัฒนาองค์กรคณะสงฆ์

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕