บทคัดย่อ

สารนิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (๒) เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล (๓) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรมของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน ๒๐๓ คน ใช้วิธีรูปแบบการวิจัยแบบผสมประกอบด้วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา

           ผลการวิจัยพบว่า

           ๑. ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (=๔.๐๒๓) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านบุคลากร มีค่าเฉลี่ย ๔.๒๗๑ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านสถานที่ มีค่าเฉลี่ย ๓.๘๒๙ 

           ๒. ผลการเปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ทดสอบสมมติ ฐานตัวแปร พบว่า ประชาชนที่มีสถานภาพ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพต่างกัน มีความพึงพอใจต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนประชาชนที่มีเพศแตกต่างกัน มีความพึงพอใจต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้

          ๓. ปัญหา อุปสรรคเกี่ยวกับความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า เนื้อหาของการปฏิบัติธรรมไม่กระชับทำให้เข้าใจยาก ขาดให้การสนับสนุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร การอำนวยความสะดวกในการเข้าปฏิบัติธรรมยังไม่ดีเท่าที่ควร และสถานที่ปฏิบัติยังไม่สามารถรองรับวันสำคัญทางศาสนาทำให้แออัด ข้อเสนอแนะ พบว่า ควรกำหนดเนื้อหาการสอนให้กระชับเข้าใจง่ายเพื่อผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมกัน ควรจัดหาวิทยากรพิเศษมาเพิ่มเพื่อทำให้การบรรยายหลากหลาย ควรจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอแก่ผู้เข้ามาปฏิบัติธรรม และภายในวัดไม่ควรให้มีเสียงดังรบกวน แนวทางในการส่งเสริมความพึงพอใจของประชาชนต่อการเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์ของวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า การสอนให้เห็นตามความเป็นจริง เป็นไปตามกฎแห่งกรรมทำให้เลือกใช้หลักธรรมในพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง พระอาจารย์ที่สอนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติ ได้มีการจัดเตรียมสถานที่พักแก่ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมอย่างเหมาะสม และควรจัดแบ่งพื้นที่ที่จะใช้ในปฏิบัติธรรมกับพื้นที่อื่นของวัดให้ชัดเจน

ดาวน์โหลด