หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระสรพงณ์ ปญฺญาธโร (จุลละโพธิ)
 
เข้าชม : ๑๖๗๖๑ ครั้ง
ศึกษาบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ของนิสิต คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี
ชื่อผู้วิจัย : พระสรพงณ์ ปญฺญาธโร (จุลละโพธิ) ข้อมูลวันที่ : ๐๗/๑๐/๒๐๑๙
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระราชปริยัติมุนี
  อรชร ไกรจักร์
  -
วันสำเร็จการศึกษา : 10 มกราคม 2562
 
บทคัดย่อ

วิทยานิพนธ์เรื่อง “ศึกษาบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ของนิสิตคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี               มีวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ 1. เพื่อศึกษาทฤษฎีบุคลิกภาพ และจริต 6 ในพระพุทธศาสนาเถรวาท และ                  2. เพื่อศึกษาบุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ของนิสิตคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) พร้อมกับทำการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิสิตคณะพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรีจำนวน 7 รูป/คน สรุปผลการศึกษาวิจัยได้ ดังนี้

          ผลการวิจัยพบว่า บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของบุคคล เช่น รูปร่าง หน้าตา กิริยา ท่าทาง มารยาท การแต่งกาย  การแสดงออก การพูด การคิด ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ                 ความต้องการทางอารมณ์  ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะแสดงออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมของบุคคลผู้นั้นเสมอ 

          ส่วน จริต 6 ในพระพุทธศาสนาเถรวาท สรุปความหมายได้ว่า จริต หมายถึง               ความประพฤติของคน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย ด้านวาจา รวมถึงด้านจิตใจ เป็นลักษณะ นิสัย บุคลิกภาพ พฤติกรรม ของแต่ละบุคคล ส่งผลให้เกิดจริตที่แตกต่างกัน ในการวิจัยนี้ ผู้วิจัยสรุปความหมายของ จริต 6 แบ่งได้ ดังนี้ 1. ราคจริต ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทาง          รักสวยรักงาม) 2. โทสจริต ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทางใจร้อน โกรธง่าย)                         3. โมหจริต ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทางซึมเศร้า ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง)      4. สัทธาจริต ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทางเชื่อง่าย ไม่ค่อยพิจารณา)                   5. พุทธิจริต ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทางคิดพิจารณา มักใช้ปัญญาคิดเรื่อง                        ต่าง ๆ ก่อนเสมอ) และ 6. วิตกจริต ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปในทางคิดจับจด ลังเล ไม่มีความมั่นใจ) จริตทั้ง 6 ประเภทนี้ บางครั้ง บุคคลคนเดียวอาจมีลักษณะหลาย ๆ จริต รวมกันได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น คนรักสวย รักงาม อาจเป็นคน หูเบา เชื่อคนง่าย                           คือมีลักษณะของราคจริตและโมหจริตรวมกัน ในแต่ละจริตนั้นก็จะมีลักษณะเด่นและลักษณะด้อย                อยู่ร่วมกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบข้างที่จะแสดงส่วนใดออกมา บางครั้งจริตที่ภาพรวมเป็นจริตที่ดี เช่น พุทธิจริต มีข้อเสียอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น การใช้ปัญญา คิดเรื่องต่าง ๆ มาก อาจทำให้ไม่กล้าตัดสินใจเพราะมัวแต่คิดอยู่นั่นเอง เป็นต้น

          ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 7 รูป/คน สรุปได้ว่า บุคลิกภาพตามแนวจริต 6 ของนิสิตคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงครามนั้น ผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ให้คำตอบว่า มีปะปนกันไปทั้ง 6 จริต ส่วนใหญ่จะเป็นโทสจริต เพราะนิสิตส่วนใหญ่มีวัยในระดับวัยรุ่นโดยส่วนมาก ส่วนจริตอื่น ๆ                   จะมีปรากฏออกมาบ้างตามแต่สถานการณ์นั้น ๆ ส่งผลสำคัญให้บุคลิกภาพมีความแตกต่างกันไป                   เพราะมีสถานภาพ เพศ อายุ รวมถึงสิ่งแวดล้อมเป็นตัวชี้วัดด้วย จะเห็นได้ว่า ควรนำหลักธรรมต่าง ๆ มาปรับใช้กับตนเอง เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ แก้ไขจริต เพราะบุคลิกภาพและจริต 6 เป็นปัจจัยพื้นฐานของความสำเร็จสำหรับชีวิตมนุษย์

 

 

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕