หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระภิทักษ์ วชิรวํโส (สุนา)
 
เข้าชม : ๑๖๗๖๐ ครั้ง
ศึกษาวิธีการดูแลผู้ป่วยตามแนวทางพระพุทธศาสนา กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ในจังหวัดบึงกาฬ
ชื่อผู้วิจัย : พระภิทักษ์ วชิรวํโส (สุนา) ข้อมูลวันที่ : ๐๙/๑๐/๒๐๑๙
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระราชรัตนาลงกรณ์
  พระครูจิรธรรมธัช
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๑ มีนาคม ๒๕๖๒
 
บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาวิธีการดูแลผู้ป่วยตามแนวทางพระพุทธศาสนา ๒) เพื่อศึกษาวิธีการดูแลผู้ป่วยตามหลักภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬ และ ๓) เพื่อศึกษาผลการประยุกต์วิธีการดูแลผู้ป่วยตามแนวทางพระพุทธศาสนากับภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬ โดยได้ศึกษาจากเอกสารปฐมภูมิ ได้แก่ คัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย อรรถกถา และจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย เชิงคุณภาพ การเก็บข้อมูลได้จากเอกสารต่างๆเป็นแนวคิดทฤษฎีของการวิจัยจากการแบบสัมภาษณ์ นำเสนอโดยพรรณาวิเคราะห์ โดยลำดับ

ผลจากการวิจัยพบว่า

การดูแลผู้ป่วยตามแนวทางพระพุทธศาสนา ความเจ็บป่วยหรือโรคมี ๒ ประเภท คือโรคทางกายและโรคทางใจ โรคทางกายได้แก่ โรคที่เกิดขึ้นกับอวัยวะในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น โรคปวดศีรษะ โรคเจ็บตา โรคหิด โรคทางกายนี้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและความไม่สมดุลของธาตุ เป็นต้น ส่วนโรคทางใจ เกิดจากการที่จิตใจถูกครอบงำด้วยอุปกิเลสอาสวะ คือความโลภความโกรธและความหลง และความเจ็บป่วยที่มีในกาย สามารถทำให้เกิดความทุกข์ทางใจ ในพระพุทธศาสนามีหลักในการดูแลรักษาโรคที่เกิดจากการเจ็บป่วย ๒ แนวทางด้วยกัน คือการดูแลรักษาด้วยยาสมุนไพรและการดูแลรักษาด้วยธรรมโอสถ แนวทางแรก สมุนไพรที่ใช้ในการดูแลรักษาโรคของภิกษุนอกจากใช้เภสัชทั้ง ๕ แล้วยังมีพืชต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกอีกมากมาย เช่น รากไม้ ใบไม้ ผลไม้ ยางไม้ น้ำฝาด เกลือ มูลโค เป็นต้น ส่วนแนวทางที่สอง การดูแลรักษาโรคทางใจนั้นนอกจากรักษาด้วยโพชฌงค์ ๗ และสัญญา ๑๐ ควบคู่กับการทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบแล้วยังมีการแสดงธรรม และสนทนาธรรม เพื่อระงับความทุกข์ที่เกิดจากการเจ็บป่วย ต่าง ๆ ด้วยการฝึกจิตให้สงบได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะใช้หลักกุศลกรรมบถ  10 ที่เน้นสร้างความสะอาดทางกาย ทางวาจา และทางใจ

ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬเป็นองค์ความรู้ ความสามารถที่สอดรับกับบริบทวัฒนธรรม ที่เกื้อหนุนในการนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน อันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่ผ่านกระบวนการสืบทอด พัฒนา ปรับปรุงและเลือกสรรมาแล้วเป็นอย่างดีและยังสามารถนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ ในการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การบำบัดรักษา และฟื้นฟูสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม โดยใช้หลักธรรมมานามัย ๓ ประการ คือ กายานามัย จิตตานามัย และชีวิตานามัย การส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักกายานามัย เป็นการปรับความสมดุลของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในร่างกาย โดยการรับประทานอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย และใช้สมุนไพร การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร การประคบสมุนไพร และกายบริหารแบบไทย ๆ ส่วนจิตตานามัย เป็นการทำสมาธิสวดมนต์ และภาวนาเป็นการดูแลรักษาสุขภาพทางใจ และชีวิตานามัยเป็นการดำเนินชีวิตสายกลางมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีอาชีพที่เหมาะสม ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยจึงมีประโยชน์ต่อการนามาใช้ในการดูแลสุขภาพของคนไทยโดยรวม

ผลการประยุกต์วิธีการดูแลผู้ป่วยตามแนวทางพระพุทธศาสนากับภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬ นั้น ทั้งสองกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องความเจ็บป่วยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และมีแนวทาง แนวคิดในเรื่องการรู้เท่าทันความเจ็บป่วย ซึ่งพุทธวิธีการดูแลรักษา ภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬมีการปรับตัวรับมือเมื่อเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้เป็นอย่างดีของแต่ละวิธีการรักษา พุทธวิธีการดูแลรักษาเน้นดูแลจิตใจจากภายในสู่ภายนอกที่มีกระบวนการฝึกการปฏิบัติธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นการอาศัยความเชื่อทางพระพุทธศาสนาบูรณาการกับสมุนไพรท้องถิ่นในการรักษาทั้งจากภายในสู่ภายนอก และจากภายนอกสู่ภายในร่างกาย

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕