งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการฟังอย่างลึกซึ้งโดยทั่วไป ๒) เพื่อศึกษาหลักการฟังอย่างลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๓) เพื่อศึกษาแนวทางในการประยุกต์ใช้วิธีการฟังอย่างลึกซึ้งในสังคมปัจจุบัน
ผลการวิจัยพบว่า
๑. แนวคิดเกี่ยวกับการฟังอย่างลึกซึ้งโดยทั่วไป พบว่า การฟังอย่างลึกซึ้ง แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑) ฟังเสียงภายใน ได้แก่ การฟังในแง่ของความคิด ความรู้สึก คุณค่า ที่เกิดขึ้นภายในตนเอง ๒) การฟังเสียงภายนอก ได้แก่ การฟังที่เกิดจากการสัมผัส ความสัมพันธ์ ผลประโยชน์ ข้อมูล ระหว่างผู้รับสารกับผู้ส่งสาร โดยการฟังอย่างลึกซึ้งเป็นการฟังเพื่อหาความหมายด้วยกัน การมีส่วนร่วม ก้าวพ้นอคติในการมองความคิดของคนอื่น ที่ไม่เหมือนเราว่าผิดหากมองว่าต่าง และเป็นการฟังเพื่อให้ได้มาซึ่งปัญญา
๒. หลักการฟังอย่างลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาเถรวาท พบว่า หลักสำคัญของ การฟังอย่างลึกซึ้งมี ๒ ปัจจัยหลัก คือ ๑) ปัจจัยภายนอก ที่เรียกว่า ปรโตโฆสะ คือ การรับฟังคำแนะนำสั่งสอน ศึกษาเล่าเรียน การสนทนา ฟังคำบอกเล่าชักจูงจากผู้อื่น โดยเฉพาะ การฟังธรรมจากผู้เป็นกัลยาณมิตร ชื่อว่า สุตมยปัญญา ได้แก่ ปัญญาที่เกิดจากการฟัง และ ๒) ปัจจัยภายใน ที่เรียกว่าโยนิโสมนสิการ การฟังภายในใจอย่างแยบคาย ฟังสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณา สืบสาวหาสาเหตุ แยกแยะสิ่งนั้น ๆ หรือปัญหานั้น ๆ ให้เห็นตามสภาวะความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย ชื่อว่า จินตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณา และมีหลักธรรมที่เป็นองค์ประกอบในการฟังอย่างลึกซึ้ง ๓ ประการ คือ ประการที่ ๑ สติ สติเป็นตัวควบคุมของ การฟังทั้งหมด ทำให้การฟังนั้นได้สาระทั้งระดับกายภาพ ระดับจิตใจและระดับวิญญาณของเรื่องและของบุคคลผู้พูด ประการที่ ๒ โยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นตัวการทำหน้าที่ทางปัญญาให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และเป็นธรรมที่ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ทุกเวลา ทั้งในการรับรู้ ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลาย และประการที่ ๓ อคติ โดยผู้ฟังปราศจากความมีอคติเพราะชอบหรือไม่ชอบ แต่การฟังนั้นเป็นปกติ ฟังจนจบกระบวนความของสารที่กำลังฟังอยู่ โดยมีอคติธรรมเป็นสื่อกลางที่ทำให้การฟัง ประสบความสำเร็จไปสู่เป้าหมายหรือจุดหมายที่เรียกว่า การฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
๓. จากการศึกษาแนวทางในการประยุกต์ใช้วิธีการฟังอย่างลึกซึ้งในสังคมปัจจุบัน พบว่า รูปแบบของการสานเสวนาหรือที่เรียกว่าการทำ dialogue คือ กระบวนการมีส่วนร่วมที่เน้นการฟังอย่างลึกซึ้ง เป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้บุคคลหรือกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความคิด ความเชื่อ จุดยืนต่างกัน มีโอกาสพบปะพูดคุยแสดงความรู้สึก ฟังเงื่อนไขปัจจัยของกันและกัน อย่างลึกซึ้ง เพื่อเข้าใจกันอย่างเห็นอกเห็นใจมากขึ้น การฟังเพื่อเห็นอกเห็นใจและเข้าใจกันนั้น ต้องมองข้าม “กรอบอ้างอิง” ของตน เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนาและเข้าใจสถานการณ์ กระทั่งอาจเปลี่ยนแปลงความเข้าใจผิด ความขัดแย้งไปเป็นความเข้าใจและเห็นใจ กันมากขึ้น ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการสานเสวนาที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งของ การเสริมสร้างความเข้าใจป้องกันและลดปัญหาความขัดแย้ง โดยความเชื่อพื้นฐานว่ากระบวนการสานเสวนาสามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และเป็นทางเลือกที่สำคัญในรูปแบบของ “สันติวิธี” ในการลดปัญหาความขัดแย้ง เพื่อเสริมสร้างความชอบธรรม การมีส่วนร่วม กระทั่งสามารถพัฒนาสู่สังคมที่เข้าใจกัน สงบสุข และยั่งยืน
download |