หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU
ภายในระบบ
หลักสูตร
รายละเอียดประจำวิชา
เอกสารประกอบการสอน
ตำราวิชาการ
บทความวิชาการ

หน้าหลัก » พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว » พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2549
 
เข้าชม : ๑๒๓๑๘ ครั้ง

''พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2549''
 
กิตติพัฒน์ สุวรรณสิริเมธี ผ้นำเสนอ (2549)

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 ความว่า

        ขอขอบใจที่ท่านทั้งหลายมาให้พรในวันนี้ และที่นี้ท่านนายกฯได้กล่าวคำให้พร ซึ่งนับว่าเป็นคำให้พรที่ให้กำลังใจ ต้องมีกำลังใจอย่างเสมอ ไม่ได้ลุกขึ้น เพราะว่ากำลังใจอาจจะมี แต่กำลังกายไม่มี เมื่อไม่ลุกขึ้น ถ้าลุกขึ้นก็เสียกำลังกายเปล่าๆ แต่ท่านก็เข้าใจ ที่ว่าทั้งนี้ เพราะว่าจะต้องรักษากำลังกายไว้ให้ดี ซึ่งกำลังกายไม่ค่อยดี ด้วยเหตุว่าการออกกำลังเกิน ส่วนที่จะมีทางมีกำลัง ข้อหนึ่งต้องประหยัดกำลัง แต่ในเวลาเดียวกันถ้ามีกำลังกายไว้ คงเข้าใจว่าจะมีประโยชน์ เพราะว่าชาติบ้านเมืองต้องใช้กำลังกาย กำลังจิตใจด้วย อย่างที่ท่านนายกฯต้องออกกำลังกายและกำลังจิตใจ คนก็ได้ เห็นทั้งนั้นว่าได้ประโยชน์  

ต้องอธิบายนิดหน่อย การที่จะมีกำลังใจ กำลังกายนี้ จะต้องให้ทุกคนได้ร่วมกัน ช่วยกัน ร่วมกันออกกำลังกาย กำลังใจ เพื่อให้ชาติบ้านเมืองรอดพ้นอันตรายได้ คนเดี๋ยวนี้โยนให้รัฐบาลต้องทำ รัฐบาลก็ไม่ค่อยมีกำลัง เพราะว่าคณะรัฐบาลนี้แก่มาก ความจริง ความแก่นี่เป็นกำลัง ข้าพเจ้ายังไม่ถึงเจ็ดสิบเก้า ยังเจ็ดสิบแปด พรุ่งนี้ถึงจะเป็นเจ็ดสิบเก้า แล้วก็ยังไม่ถึงแปดสิบ เอะอะไรก็บอกว่า แปดสิบ แปดสิบ ซึ่งคนที่อายุแปดสิบ ท่านมีกำลังมาก ฉะนั้น นายกฯก็ยังไม่แปดสิบ นายกฯมีกำลังมาก แต่ข้าพเจ้าอีกไม่กี่วันจะเข้าปีที่แปดสิบ ปีที่แปดสิบนี่ นับว่ามากแล้ว ความจริงคนที่อายุแปดสิบ ไม่ใช่ว่ามีกำลังที่จะปฏิบัติงานได้เยอะแยะ ไม่ใช่ 

ที่พูดนี่ คือเริ่มต้น ดูท่าทางเหมือนว่าน้อยใจว่าอายุมาก แต่ว่าถ้าอายุมากขึ้น ก็เป็นประโยชน์ได้เปรียบคนไหนที่อายุน้อยๆ เสียเปรียบ เพราะไม่มีความรู้ เรียกว่าคนที่อายุน้อยๆเป็นคนที่เซ่อ เป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ฉะนั้นคนที่อายุมากๆ เป็นคนที่ได้เปรียบ เพราะว่าถ้าใช้คุณสมบัติคนที่มีอายุ เรียกว่ามีประสบการณ์ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้เปรียบ แล้วคนที่อายุน้อย ถ้าดูถูกคนที่อายุมากก็มีปมด้อยนั้นเอง คนที่อายุน้อยๆ นึกว่าไม่มีความสามารถเลยต้องดูถูกคนที่อายุมาก แต่ขอบอกว่าคนที่อายุมาก ถ้ารักษาความดี รักษาคุณสมบัติ คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนที่อายุน้อย และในประเทศชาติ ถ้ามีคนที่มีอายุมากและได้เปรียบ ชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้าได้ ถ้ามีแต่คนเด็กๆที่ไม่ถือว่ามีความสามารถ ชาติบ้านเมืองไม่ก้าวหน้า จะต้องพูดอย่างนี้ ท่านผู้ใหญ่อาจจะบอกว่านี่แหละคนที่อายุมากมีประโยชน์ แต่คนที่อายุมาก แต่ว่าไม่ใช้ความได้เปรียบของความมีอายุมาก ก็เป็นเด็กในความคิดนึก เป็นคนที่เยาว์ในความคิด และอันตรายมาก คนที่บอกว่าแก่แล้วน้อยใจว่าแก่ คนแบบนี้เป็นคนที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ แล้วคนที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ มัวแต่ไปน้อยใจว่าอายุมาก แก่ แล้วก็ไม่ใช้ ความอายุมากให้เป็นประโยชน์ น่าอนาถ ถ้ามัวแต่บอกว่าเราแก่ แล้วก็น้อยใจว่าแก่ ไม่มีดีแน่ เพราะว่าแสดงให้เห็นว่าแก่จริงๆ ทั้งที่บอกว่าตัวแก่ แล้วยังไม่ใช้ความแก่ความชรา ความก้าวหน้าของจิตใจที่มีอายุมาก ที่มีประสบการณ์มาใช้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและต่อส่วนรวม  

ถ้าคนที่มีอายุมากแล้วใช้ความอายุมากเป็นประสบการณ์ คงมีประสบการณ์นั้นช่วยคนอื่นได้มาก เพราะคนที่เยาว์ไม่มีประสบการณ์ ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ เพราะว่าคนจะเชื่อว่าคนนี้อายุมาก เป็นคนหงำเหงอะ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ คือว่าคนที่อายุมาก มีประสบการณ์ จะมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็มีประสบการณ์ ได้เล่าเรียนมามากหรือน้อย แต่ก็มีประสบการณ์ ประสบการณ์นี้ ช่วยให้ส่วนรวมก้าวหน้าได้ ในระยะหลังนี้ดูว่าคนที่ไม่มี ประสบการณ์ แต่ก็แก่ได้ทำให้บ้านเมืองล่มจมไปเยอะนะ ฉะนั้นขอให้คนที่เขาว่า ว่าแก่ แต่ว่ามีประสบการณ์ แล้วมีประสบการณ์ที่ดี ทำให้บ้านเมืองดำเนินงานไปได้ ขอให้ ผู้ที่แก่นี้ได้มีความสำเร็จในงานการ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ 

เมื่อพูดถึงแก่ พูดถึงเรื่องอายุมาก อายุน้อย มีคนที่รู้สึกว่ากระทบกระเทือนอยู่บ้าง เพราะว่าเขาบอกแก่ ตอนที่รัฐบาลได้มีการตั้งรัฐบาล ก็ตั้งมาได้ดี โดยที่คนตั้งใจที่จะทำงาน ก็ไม่ทราบว่าได้ตั้งใจจริงๆหรือไม่ แต่ว่าคนแก่นี้ขึ้นมาเป็น เรียกว่า เป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นตำแหน่งใหญ่ ไม่ต้องการอะไรของตัว ไม่ได้มีความโลภว่าจะต้องการตำแหน่ง แต่ว่าเห็นว่าต้องมีคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ผู้ที่อายุมาก ก็ยอมรับเขาจะว่าแก่หงำ ก็ไม่มี ใครว่า ผู้ที่มารับตำแหน่งในรัฐบาล หรือตำแหน่งที่สำคัญๆ เพราะว่าได้ทำมามากแล้ว ที่เขาว่าแก่ ตรงข้ามคงต้องถือว่าเป็นคำชมเชย ว่าอุตส่าห์แก่แล้ว ควรจะพักผ่อนได้ ไม่เอา เขาขอให้เป็น เป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่คนที่ว่า อาจจะมาจากความอิจฉาก็ได้ อิจฉาก็ช่างเขา เพราะว่างานของเขา เขาทำไม่ได้ คนที่ว่า อย่างไรซะ คนที่รับเป็น เข้าใจ เดาใจว่า ถ้าสมมติว่าทำแล้วทำไม่ได้ ก็บอกว่าทำไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เคยเป็น ไม่เคยทำหน้าที่อย่างนี้ ก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่เชื่อว่าทำได้ เพราะว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ 

ในวันที่มารับตำแหน่งมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า มารับตำแหน่งในเวลาที่เป็นระยะที่เดือดร้อน ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่อยากพูดกัน การเมือง เบื่อแล้ว ไม่อยากพูด แต่ว่าน้ำมันท่วมแล้วที่บอกว่า น้ำท่วมเพราะว่าน้ำมันลงมามาก วันนั้นก็บอกว่า ความจริงไม่มากเท่าที่เคย รู้สึกท่านรัฐมนตรีต่างๆ ทำหน้าเหลอว่าจริง น้ำไม่น้อย น้ำลงมา ฝนลงมาไม่น้อย แต่ไม่มากเท่าที่เคย มา สองสามวันนี้มีคนที่รู้เรื่องน้ำ มาบอก เออจริง ปีนี้น้ำที่หล่นมาจากฟ้าน้อยกว่าปี 38 น้อยกว่าจริงๆ เราพูดเพราะมีประสบการณ์ว่า จำได้ว่าน้ำจากปี 38 มากจริงๆ แต่น้ำลงมาไม่มากเท่า ปีนี้ไม่มากเท่าปี 38 มาบอกว่าจริง ผู้เชี่ยวชาญที่มาดูเกี่ยวข้องกับน้ำ ก็บอกว่าปีนี้น้ำน้อยกว่าปี 38 แล้วก็ดีใจที่พูดไม่ผิด แต่ว่าปีนี้ร้ายแรงกว่า เพราะว่าบริหารน้ำไม่ดี 

คำว่า บริหารน้ำ นี่หมายความว่า ถึงเวลาจะปล่อยน้ำลงไป ถึงเวลาที่จะต้องกักน้ำไว้ ไม่ทำ ปีนี้ถ้ากักไว้ แล้วปล่อยในเวลาที่ถูกหลัก ถูกจังหวะ เชื่อว่าไม่ท่วมเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ยังไม่ช้าเกินไป อีกสองสามวันข้างหน้านี้ จะเป็นเวลาที่จะต้องบริหารน้ำให้ดีขึ้น วันนี้ ที่เอารถนี้มา ไม่ใช่เข็นรถมาสนุกๆ ในนี้มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับสองสามวันข้างหน้านี้ น้ำจะมากแค่ไหน ตั้งแต่ขึ้น-ลง มากกว่าปี 38 แต่ว่าที่ดูในนี้ แก้ไขได้คือบริหารน้ำให้ ไม่ท่วมได้ เพราะว่าเรามีอุปกรณ์ที่สมัยใหม่ที่จะทำให้น้ำลดลงไป หายไปได้ดีกว่าปี 38 มีหลายแห่งที่จะทำได้ โดยเฉพาะที่แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงปลายแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงเวลาน้ำขึ้นก็กั้นเอาไว้ ไม่ให้น้ำขึ้นมาท่วม นี่พูดถึงเฉพาะกรุงเทพฯ ถึงเวลาปล่อยก็ปล่อยได้ และโดยเฉพาะแห่งเดียวที่เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว คือที่พระประแดง ที่มี อุปกรณ์ที่เวลาน้ำขึ้น กักเอาไว้ แล้วเวลาน้ำลงปล่อยให้ ลงที่คลอง อันนี้แก่จำไม่ได้แล้ว คือตรงที่ได้ทำโครงการ ที่จะปล่อยน้ำออกไปในเวลาน้ำลง แล้วเวลาน้ำขึ้นก็ปิด เอาไว้ ตรงนั้นคลอง 600 เมตร หากเปิดมันก็ทะลักเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าปิด น้ำจะอ้อมไป มันมีวิธีที่จะบริหารน้ำให้ดี ก็วิธีการให้ทราบว่าเวลาไหนน้ำกำลังขึ้น ปล่อยให้ออกไป อ้อมไปที่ข้างร่องเปิด กว่าจะถึงตรงปลาย น้ำก็ลง  

น้ำขึ้นเป็นเวลา และน้ำลงเป็นเวลา แต่ว่าเวลาน้ำขึ้นมันมีเวลาของเขา เขียนเอาไว้ว่าขึ้นเวลานั้น สูงขึ้น 2 เมตรกว่า เวลาน้ำลง น้ำก็ลงไป ทำให้เป็นจังหวะ ถ้าไม่ได้จังหวะ เปิดประตูน้ำเวลาน้ำขึ้น มันก็ทะลักเข้ามา อาจจะท่วมได้ น้ำอาจจะขึ้นไปสูงกว่า 2 เมตร น้ำขึ้นอีก 2 เมตร 20 เมตร 2 เมตร 30 แต่ถ้าหากว่าปิดในเวลานั้นน้ำก็ไม่ทะลักมาในถนน ในกรุงเทพฯ เวลาน้ำลงก็ปล่อยมา หมายความว่า ต้องให้ถูกต้องและเป็นเวลา ถ้าทำเป็นเวลาแล้ว น้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้กรุงเทพฯก็ถูกท่วมถ้าไม่ทำให้ถูกต้องถูกเวลา ถ้าฝนตกมาด้วย เดี๋ยวนี้ไม่น่ามีฝนตก แต่ว่าฝนตกน้ำท่วม ถ้าน้ำท่วมรถแล่นไปก็จมน้ำ ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าที่ไม่ได้ทำหน้าที่ แต่ ตอนนี้เขาคงทำเพราะบอกเขา ทำให้ปล่อยน้ำเวลาน้ำลง น้ำขึ้นก็กักเอาไว้ มีทุกอย่าง แต่มีแห่งเดียวที่มีอุปกรณ์แล้ว ที่อื่นก็ควรจะทำ บอกมาหลายปีแล้ว แถวสมุทรสาคร ควรจะทำได้ แต่ต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ข้อสำคัญต้องลงแรง ตามคลองชายทะเลก็เคยมี  

เมื่อราวปี 38 ส่งองครักษ์ไปดู โดยมากต้องเป็นตอนกลางคืน ไปเห็นคนเขานอนหลับสบายที่ชายทะเล พวกที่ไปก็ไปทักทาย ว่าจะเปิดหรือไม่เปิดแน่ เขาไม่ได้บอกให้เปิดก็เปิด ปิดหรือเปล่าปิด เขาไม่ได้บอกให้ปิด ก็ปิด น้ำทะลักเข้ามาก็ท่วมในคลอง มาท่วมในกรุง จากชายทะเล แต่ถ้าทำถูกจังหวะ น้ำไม่ท่วม ตอนที่ทางฝ่าย กทม.ไม่ รู้เรื่องว่ามันเป็นอย่างไร คนที่ชายทะเลที่ดูแล ที่นอนสบาย เขาบอกว่าคุณมาจากไหน รู้ได้ยังไง น้ำขึ้นจริงๆ เขานึกว่ามาทำไม มาบอกรู้ว่าขึ้น แต่ไม่ปิด ทำไมรู้ว่าลงไม่ เปิด ก็ถามว่า คุณอยู่ตำแหน่งอะไร เขาบอกว่าเป็นนายพล นายพลมาจากไหน มาจากในวังก็ได้ยินชัดจึงรู้ เข้าใจว่าทำไมรู้เรื่องพวกนี้ เขาก็เชื่อ แต่ว่านายไม่เชื่อ นายผู้ใหญ่ เอาตามนั้น เขาไม่ได้สั่งว่าเวลานั้นต้องเปิดต้องปิดเวลานี้ เขาว่าน้ำมันไม่ค่อยไหล น้ำขึ้นน้ำลง ท่านเป็นทหารเรือก็รู้เรื่องว่าน้ำขึ้นน้ำลงเวลาไหน แล้วช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วม อันนี้ไม่ทุกข์ ตัวเขานอนสบาย ไม่ทุกข์ แต่ว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นทุกข์ ฉะนั้นเดี๋ยวนี้ยังมีเวลาที่จะแก้ไข ไม่งั้นถึงปีใหม่น้ำก็ท่วมอีก เลยบอกท่านที่มีหน้าที่ไปดู อาจไม่ใช่คนที่ในพระนคร แต่ที่เห็นประโยชน์ของการสกัดน้ำไม่ให้ขึ้น ไม่ให้กลับ ก็ไปดู ที่ไปเมื่อ 2 อาทิตย์นี่ สมเด็จพระเทพฯไปดู แล้วเราต้องไปตอนที่มืด เขาไม่เห็น แต่อย่างไรก็น่าจะไป  

ทีนี้งานของข้าพเจ้าหมดแล้ว 2 วัน 3 วันนี่ อาจจะไปดู โพล้เพล้ก็จะไปชายทะเลว่าเป็นอย่างไร จำเป็นต้องไปดู แต่ว่าตอนนี้ยังไปไม่ได้ ปวดหลัง ถึงไม่ได้ไป แต่ที่ไปดูก็มีสมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ แต่ว่าบอกว่ายังไม่รู้เรื่องว่าควรจะเปิดปิดอย่างไร เพราะมันต้องมีตามเวลาให้เหมาะสมให้ถูกต้อง แต่ตอนนี้คงจะค่อยยังชั่ว ทางชลประทานเขาบอกปลายปีก็หมดแล้ว ปลายปียังมี อีกเดือนที่จะกักกับแม่น้ำ เพราะว่าน้ำฝนก็ยังลง ฉะนั้นก็ให้ทำให้ถูกต้อง เพราะเชื่อว่าจะดี จะไม่ช้าเกินไป นี่ จะทำอย่างไร จวนจะหมดฤดูกาลนี้แล้วถึงมาพูด แต่ว่ามาพูดเพราะว่าที่ผ่านมาพูดไม่มีใครได้ยิน เสียงมันแหบ  

วันนี้ได้ใช้ยาผีบอก ยาผีบอกนี่เป็นคนจีนเป็นคนปรุงให้ เพราะเก็บไว้ จะจิบต่อไปก็เอาไปแบ่ง ไม่รู้ก็ต้องจิบทีละนิด วันนี้เสียงนับว่าดี ได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องทำอะไรสำหรับภัยน้ำท่วม แต่ว่าการที่พูด เราไม่ได้พูดมาก เพราะว่าคนพูดมากเกินไปน้ำท่วมทุ่ง ก็กลัว กลัวเดี๋ยวน้ำท่วมทุ่งตลอดอ่างทองเลยมาถึงนนทบุรี น้ำยังท่วมทุ่ง เพราะคนพูดมากเกินไป คนพูดมากทำให้น้ำท่วมทุ่ง ทุ่งนา ท่วมหมด เลยไม่อยากพูดมากเกินไป พูดมากแล้วเรื่องอื่นๆ ก็ไม่สำคัญ เรื่องอื่นๆ ที่จะพูด เอาไว้ปีหน้า ปีหน้าน้ำไม่ต้องท่วมทุ่ง เพราะว่าพายุหมดแล้ว ไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีอยู่ อาจจะมีก็ได้  

พูดแบบนี้เดี๋ยวฝรั่งหาว่าเดอะคิงสั่งนายกฯมา ไม่สั่ง สั่งไม่ได้ พลเอกสุรยุทธ์ใครจะมาสั่งให้ทำอะไร สั่งไม่ได้ เพราะว่าท่านแข็ง และท่านไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เป็นคนที่มีหลัก มีเกณฑ์ ฉะนั้น ปีหน้าสั่งอะไรไม่ได้แล้ว ปีหน้าท่านก็สบาย ไม่ต้องมาแสดงให้เห็นว่าทำอะไรที่ดี เรียบร้อย ก็เชื่อว่าจะทำสำเร็จเรียบร้อย ฉะนั้นคงมีบางอย่างที่ทำแล้วรู้สึกไม่แน่ใจ ว่าทำถูกหรือไม่ถูก แต่ก็จะเชื่อว่าทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความตั้งใจแน่วแน่ คงต้องผ่านอีกปี ที่ว่าข้ามปี หรือว่าไม่ต้องพูดมาก เพราะว่าถ้าพูดมากก็เปล่าประโยชน์  

จากนี้ต่อไปเชื่อว่าการปกครอง ได้ทำประโยชน์ ได้ทำตัวอย่างแล้ว แต่ถ้าคนไม่เอา ไม่ดูตามตัวอย่าง บอกว่าที่ทำนี้โคมลอย ก็ช่างหัวเขา คนที่ตำหนิติเตียน ไม่เชื่อว่า คนที่ทำด้วยความตั้งใจดี ไม่มีผลประโยชน์ของตัวเป็นของที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้าทุกคนที่มีตำแหน่งที่สำคัญ ต้องทำด้วยความตั้งใจดี ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็เชื่อว่าบ้านเมืองจะผ่านพ้นอันตรายได้ ซึ่งคนอาจจะนึกว่าทำไมต้องพูดอย่างนี้ ที่พูดเพราะว่า คนที่ทำ มีความตั้งใจดีมี แต่มีคนที่ไม่มีความตั้งใจดีก็มี หรือถ้ามีแต่ตั้งใจดี แต่ตั้งใจดีไม่รู้เรื่อง อาจจะเสียหายได้  

ฉะนั้น หวังว่าทุกคนที่มีหน้าที่ จะได้ทำตามหน้าที่ จะได้อายุแบบแปดสิบปีสบายใจ พี่สาวเคยบอกว่า ถึงเวลาอายุแปดสิบไม่ไหว ท่านอายุแปดสิบสี่ก็เหนื่อย ท่านไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวนี้ เลยต้องพูดถึงท่าน ขอให้ท่านสบาย ได้มีความสำเร็จในการรักษาตัว เดี๋ยวนี้คนที่เป็นผู้ใหญ่ จะเหลือคนเดียวคือพี่สาว คนอื่นก็ไม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว คนที่มาให้กำลังใจอย่างดี จะทำให้ข้าพเจ้าทำงานทำการต่อไปได้ เดี๋ยวนี้มีความรู้สึกว่าคนที่มานั่งในนี้เด็กๆทั้งนั้น นอกจากแถวนี้แก่ๆทั้งนั้น แต่ส่วนมากก็เด็กกว่าเรา ประหลาดที่สุดไม่เคยนึก มีคนเดียวแก่ คนเดียวที่แก่กว่า แต่ว่าท่านก็ไม่ยอมแก่ เลยนึกว่าคนที่แก่ แต่ไม่ยอมแก่ ทำงานเข้มแข็งก็ดี ที่นี่มีที่แก่แต่ไม่ยอมแก่ แล้วหวังว่าทุกคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความรู้ตัวว่า ทำงานด้วยความแก่ที่ดี ให้มีความสำเร็จ ขอให้พวกท่านประสบความสำเร็จในงานของคนแก่ แต่ว่างานที่ถูกต้อง คนที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ให้พร ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในงานการของคนแก่ เพื่อให้ส่วนรวมได้สามารถที่จะปฏิบัติ เป็นคนดีอย่างคนแก่ ทั้งนี้ เราก็ถือว่าเป็นคนแก่ แต่ก็ทำงานด้วยความตั้งใจ ขอให้ประสบความสำเร็จเรียบร้อยทุกประการ 

(ที่มา: ประเทศไทย)
 
 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕