ดร.
สาโรช บัวศรี กล่าวว่า การศึกษาคือขบวนการพัฒนาขันธ์
๕ ให้เจริญเต็มที่เพื่อบรรเทาราคะ โทสะ โมหะ ของมนุษย์ให้เบาบางลงและหมดไปในที่สุด
พระราชวรมุนี* (* ปัจจุบัน พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์
ปยุตฺโต) )ได้กล่าวว่า การศึกษามีจุดมุ่งหมายเพื่อทำชีวิตให้เข้าถึงอิสรภาพ
คือทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากอำนาจครอบงำจากปัจจัยภายนอกให้มากที่สุด
และ มีความเป็นใหญ่ในตัว สามารถกำหนดความเป็นอยู่ของตนให้ได้มากที่สุด
๒. กระบวนการศึกษาแบบพุทธ
คือ
กระบวนการแก้ปัญหาอย่างถูกต้องด้วยการทำลายอวิชชาและตัณหา
และสร้างเสริมปัญญา ฉันทะ และกรุณา
๓. ความหมายและจุดมุ่งหมายการศึกษา
ก.
ความหมายที่มองในแง่สภาพที่เผชิญการศึกษาก็คือการแก้ปัญหาของมนุษย์
ถ้าไม่มีปัญหา การศึกษาก็ไม่มี มองในแง่สภาพที่จะประสบผล
การศึกษาก็คือการทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากปัญหา (-) ปราศจากสิ่งบีบคั้นกีดขวาง
แล้วเข้าถึงสิ่งที่ดีงาม (+) สิ่งที่ประเสริฐที่สุดหรือดีที่สุดที่ชีวิตจะพึงได้มีอิสรภาพสมบูรณ์
มองในแง่ความสัมพันธ์กับปัจจัยภายนอกการศึกษาคือการทำให้มนุษย์พ้นจากการต้องพึ่งปัจจัยภายนอก
มีความสมบูรณ์ในตัวมากยิ่งขึ้นตามลำดับ
ข.
จุดหมายของการศึกษาเป็นอันเดียวกันกับจุดหมายของชีวิตคือความหลุดพ้น
(วิมุตติ) ได้แก่ความปลอดโปร่งเป็นอิสระ
๔. คุณสมบัติของผู้ได้รับการศึกษา
ผู้ที่ได้รับการศึกษาตามแบบพุทธ
จะมีลักษณะเด่น คือ มีคุณธรรม ๒ ประการประจำตน
๑.
มีปัญญา ซึ่งเกิดพร้อมกับการสิ้นอวิชชา
๒.
มีกรุณา ซึ่งเป็นแรงเร้าในการกระทำในการดำรงชีวิต จะมีลักษณะ
๒ คือ
อัตตัตถะ
การบรรลุถึงประโยชน์ตน ฝึกตนเองได้ดี (ปัญญา)
ปรัตถะ
การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น สามารถช่วยผู้อื่นได้ดี (กรุณา)
๕. พุทธธรรมที่เป็นสาระสำคัญของการศึกษา
๑)
ธรรมที่พึงวิเคราะห์ เพื่อแสวงหาพุทธปรัชญา การศึกษาหลักธรรม
หลักได้แก่ ปฏิจจสมุปบาท นิพพาน และอริยสัจ ๔ หลักธรรมรอง
คือ ขันธ์ ๕,ไตรลักษณ์ กรรม และไตรสิกขา
๒)
ความหมายของหลักธรรมแต่ละอย่าง
๒.๑
ปฏิจจสมุปบาทแสดงกฎเหตุผลและปัจจัยสนับสนุน
๒.๒
อริยสัจแสดงปัญหาและการแกัปัญหาของมนุษย์
๒.๓
ขันธ์ ๕ แสดงชีวิตมีองค์ประกอบ
๒.๔
ไตรลักษณ์ แสดงสภาพที่เป็นจริงที่เราจะพึงเกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
๒.๕
กรรม แสดงความเป็นไปของมนุษย์และเหตุผล ที่จะแก้ไขปรับปรุงได้ผลสำเร็จ
และจุดมุ่งหมายที่จะเข้าถึงได้ด้วยการกระทำมิใช่การอ้อนวอน
๒.๖
ไตรสิกขา แสดงความหมายแท้ของการศึกษา ขอบเขตการ ฝึกตน การพัฒนาชีวิตที่ดี
(มรรค)
๒.๗
นิพพาน แสดงถึงสภาวะที่เข้าถึงเมื่อแก้ปัญหามนุษย์ได้แล้ว
และประโยชน์สูงสุดที่จะพึงได้จากการมีชีวิตและการมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
๖. มองการศึกษาแนวพุทธจากภาคปฏิบัติ
ครู
คือผู้ทำหน้าที่ ๒ อย่าง คือ
๑.
สิปปทายก เป็นผู้ให้วิทยาการ
๒.
กัลยาณมิตร เป็นเพื่อนคิด
ตามหลักปัจจัยสัมมาทิฐิ
๒ ประการ คือ
ปรโตโฆสะ
เสียงจากภายนอกรวมทั้งกัลยาณมิตร
โยนิโสมนสิการ
คือการคิดเป็นระบบ ๑๐ แบบ คือ
|
๑.
คิดแบบสัมพันธภาพ |
|
(อิทัปปัจจยตา) |
|
๒.
คิดแบบวิเคราะห์ |
|
(ขันธ์ ๕) |
|
๓.
คิดแบบแก้ทุกข์ |
|
(อริยสัจ) |
|
๔.
คิดแบบสามกระแส |
|
(ไตรลักษณ์) |
|
๕.
คิดแบบสามมิติ |
|
(คุณ-โทษ-ทางออก) |
|
๖.
คิดแบบคุณค่าแท้-คุณค่าเทียม |
|
(ปฏิสังขาโย) |
|
๗.
คิดแบบเสาสภา |
|
(สัตบุรุษ) |
|
๘.
คิดแบบกุศลภาวนา |
|
(ชูความดี) |
|
๙.
คิดแบบจันทร์เพ็ญ |
|
(สติปัฎฐาน) |
|
๑๐
. คิดแบบวิภัชชวาท |
|
แบบวิธีตอบปัญหา ๔ อย่าง
คือ ยืน-แยก-ย้อน-หยุด |
๗. ขบวนการแก้ปัญหาด้วยปัญญาญาณ
๘.
ขบวนการทางการศึกษาของพระพุทธเจ้า อาจกล่าวได้โดยสรุปดังนี้
บุรพภาคของการศึกษา คือพื้นฐานที่จะให้เกิดระบบการศึกษาที่ถูกต้องมี
๗ อย่าง คือ
๑) กัลยาณมิตตตา
๒) ฉันทสัมปทา
๓) สีลสัมปทา
๔) อัตตสัมปทา
๕) ทิฏฐิสัมปทา
๖) ปอัปมาทสัมปทา
๗) โยนิโสมนสิการ
|
-
คบคนดี
- ใฝ่ดี
- มีระเบียบวินัย
- รู้ศักยภาพตนเอง
- เห็นชอบ
- รู้จักค่าของเวลา-ไม่ประมาท
- คิดเป็นระบบ |
ตัวการศึกษา คือ มรรคมีองค์ ๘ มีความเห็นชอบเป็นต้น
เป้าการศึกษา คือ พัฒนากาย (ภาวิตกาโย)
พัฒนาสังคม (ภาวิตสีโล) พัฒนาจิต (ภาวิตจิตฺโต) พัฒนาปัญญา
(ภาวิตปญฺโญ)
ผลการศึกษา คือ จิตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ ซึ่งจะอำนวยประโยชน์สุขทั้งแก่ตนเองและสังคม
ดังรูปต้นไม้ การศึกษา ดังนี้.